วันนี้เราจะมาอธิบายเรื่องของ Web 1.0 - Web 3.0 ที่ Wikibit ได้รวบรวมมา ร่วมตัวถึงอย่างของธุรกิจที่เคยเกิดขึ้นในช่วง web 1.0 - web 2.0 ที่ผ่านมา และโอกาสของธุรกิจที่จะเกิดขึ้นในอนาคตไว้ด้วยค่ะ
หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทาง WikiBit ได้เสนอเรื่องราวของ อีลอร์ มักส์
ที่ได้นำเสนอภาพ Meme อธิบาย Web 1.0 2.0 และ 3.0 ไปแล้ว
วันนี้เราจะมาอธิบายเรื่องของ Web 1.0 - Web 3.0 ที่ Wikibit ได้รวบรวมมา ร่วมตัวถึงอย่างของธุรกิจที่เคยเกิดขึ้นในช่วง web 1.0 - web 2.0 ที่ผ่านมา และโอกาสของธุรกิจที่จะเกิดขึ้นในอนาคตไว้ด้วยค่ะ
- Web 1.0 คือ Read-Only เป็นยุคแรกของอินเทอร์เน็ค เป็นการสื่อสารแบบทางเดียว
เปรียบเสมือนห้องสมุด User เข้าไปอ่านได้เพียงอย่าเดียวจะไม่มีการปฎิสัมพันธ์กับข้อมูลด้านในได้
ตัวอย่าง : yahoo , Amazon , internet explorer
ข้อเปรียบเทียบ : web 1.0 ระบบไม่สร้างเปลี่ยนหน้าต่าง หรือเพจอื่นๆ เป็นเรื่องยากในการค้นหาข้อมูล
- Web 2.0 คือ Read-Write เป็นยุคที่เปิดให้ผู้ใช้งาน สามารถอ่าน และเขียนเพื่อตอบโต้กันอย่างเป็นอิสระ
โดยมีตัวแพลตฟอร์ม เป็นตัวกลางเชื่อมโยงกันระหว่าง Content กับ User ,
เชื่อมโยง User + User เข้าหากันเกิดเป็นสังคมออนไลน์
ตัวอย่าง : Facebook , Twitter , Instargram
ข้อเปรียบเทียบ : เกิดการเชื่อมต่อกันเป็นคนอยู่กลุ่มเดียว การทำโฆษณาเลยไม่สามารถกระจายได้และเนื้อหาส่วนใหญ่
ถูกควบคุมจากเจ้าของแพลตฟอร์มเป็นคนกำหนด
เช่น Faceboo ทำให้ผู้ใช้งานถูกลดอำนาจ
(ภาพตัวอย่าง จำลอง Web 2.0 - 3.0 ที่มา : https://www.quora.com/What-are-the-example-websites-of-web-3-0 )
- Web 3.0 คือ Read-write-Own อินเทอร์เน็ตยุคใหม่ อินเทอร์เน็ตจะมีความฉลาดมากขึ้น
วิเคราะห์ข้อมูลได้ใกล้เคียงกับมนุษย์มากขึ้น ทำให้เทคโนโลยีใหม่ ๆ
อย่าง Machine Learning (ML), Big Data, Artificial Inteligence (AI), Blockchain สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งเปิดกว้างให้ผู้ใช้งาน และรายย่อยเข้ามา สร้างแอปขอตนเอง บนเครื่องข่ายไร้ตัวกลาง (Blockchain)
ซึ่งจะสามารถพัฒนาศักยภาพของฐานข้อมูลขนาดใหญ่
ที่ไม่จำเป็นต้องเชื่อมโยงกับเซิร์ฟเวอร์ได้อย่างเต็มรูปแบบไม่ว่าจะเป็น
สกุลเงิน Cryptocurrencyที่เป็นตัวกลางแลกเปลี่ยนซื้อ - ขาย ภายใน Blockchain
ตัวอย่าง : Theta , Ethereum , Metaverse
ข้อเปรียบเทียบ : การพัฒนา Browser ให้รองรับการใช่งาน web 3.0 มีความยาก และต้องมีการระดมทุนในการพัฒนามหาศาล ในปัจจุบัน
มีบริษัทใหญ่รวมลงทุน เช่น google , amezon ,
แล้วเราต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
อาจจะพูดว่า Web 3.0 นั้นเกี่ยวข้องเข้าสู่เทคโนโลยีของ คริปโทเคอร์เรนซี ทั้งสิ้น ซึ่งทั้งหมดนั่นเป็นเพราะว่า คริปโทเคอร์เรนซีนั้นมีพื้นฐานมาจากเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) ซึ่งหมายถึงเทคโนโลยีการประมวลผลและจัดเก็บข้อมูลแบบกระจายศูนย์ ซึ่งจะวนกลับไปที่ความเป็น Web 3.0 ที่กล่าวไว้ข้างต้นได้นั่นเอง
ดังนั้นทั้งหมดทั้งมวลนี้จึงมีความเกี่ยวข้องกัน และด้วยเทรนด์ของโลกที่เริ่มให้ความสนใจในสินทรัพย์ดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นคริปโทเคอร์เรนซี หรือ NFT (Non-Fungible Token หรือตราที่ไม่สามารถแลกเปลี่ยนได้) ที่ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในขณะนี้ อาจทำให้อนาคต โลกของเราอาจจะกำลังเข้าสู่ยุคของ Web 3.0 อย่างแท้จริงก็เป็นได้
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
Slowmist Releases October Web3 Security Incident Report
TEAMZ Web3・AI Summit 2025: Bringing Global Leaders to Tokyo
Russia Establishes Legal Framework and Standards for Crypto Mining
Japan’s Crypto Industry to Launch “Self-Regulation” of Stablecoins
0.00