ในโลกแห่งการเงินการลงทุนแนวเก็งกำไร จะต้องมีชื่อ Jesse Livermore (เจสซี่ ลิเวอร์มอร์) อยู่เป็นหนึ่งในนั้นด้วย เพราะว่าเขาเป็นที่รู้จักโด่งดังในกลุ่มนักลงทุน จนได้ฉายาว่า “Great Bear of Wall Street”
ตำนาน “Great Bear of Wall Street” ของ เจสซี่ ลิเวอร์มอร์ ในโลกแห่งการเงินการลงทุนแนวเก็งกำไร จะต้องมีชื่อ Jesse Livermore (เจสซี่ ลิเวอร์มอร์) อยู่เป็นหนึ่งในนั้นด้วย เพราะว่าเขาเป็นที่รู้จักโด่งดังในกลุ่มนักลงทุน จนได้ฉายาว่า “Great Bear of Wall Street” ชีวิตของชายคนนี้ ไม่ธรรมดา เขาทำเงินได้มหาศาลจากตลาดหุ้น และเจ๊งจนหมดตัวอยู่หลายครั้ง เขาเคยทำกำไรได้ 100 ล้านเหรียญ แต่ก็สูญเสียมันไปในเวลาไม่นาน
.
ลิเวอร์มอร์ เกิดในปี ค.ศ. 1877 ครอบครัวเป็นชาวไร่ มีฐานะยากจน เมื่ออายุ 14 ปี เขาหนีออกจากบ้าน เพราะต้องการเลือกเส้นทางเดินด้วยตัวเอง และในที่สุด เขาก็ได้งานแรกของชีวิต นั่นคือ เด็กเคาะกระดานซื้อขายหุ้นเมื่อเริ่มคุ้นเคยกับหุ้น เขาจึงอยากลองเทรดเองบ้าง โดยเข้าไปเก็งกำไรที่ห้องค้าเถื่อนที่ไม่มีการซื้อขายจริง เขาไม่มีพื้นฐานความรู้อะไร สิ่งที่เขาใช้คือ วิธีธรรมดาๆ สังเกตพฤติกรรมหุ้น จดบันทึกสถิติ ศึกษารูปแบบราคา คำนวณความน่าจะเป็น หาสัญญาณซื้อขาย ทำซ้ำไปซ้ำมาเหมือนทดลองวิทยาศาสตร์ จนได้หลักการที่มั่นใจ
.
เพียงแค่ 1 ปี เขาได้กำไร 1,000 เหรียญ ผ่านไป 5 ปี กำไรโตเป็น 10,000 เหรียญ จนห้องค้าเถื่อนขาดทุน ต้องห้ามไม่ให้เขาเล่นอีก จึงทำให้ ลิเวอร์มอร์ หันมาลงเล่นในสนามจริงที่ตลาดหุ้นนิวยอร์ก
.
ปี 1897 (อายุ 20) ลิเวอร์มอร์ เข้ามาเทรดที่ Wall Street ช่วงแรกเขาก็เป็นนักลงทุนรายย่อยทั่วๆไป มีได้กำไร มีขาดทุน มีหมดตัว แต่สิ่งที่เขาไม่เปลี่ยนแปลงคือการทำการบ้าน เขายังคงศึกษาพฤติกรรมของตลาดและตัวหุ้นอยู่อย่างสม่ำเสมอ
.
ปี 1907 (อายุ 30) เขาวิเคราะห์ว่า ตลาดหุ้นขึ้นมาสูงเกินไป ไม่สมเหตุสมผลกับสภาวะเศรษฐกิจและเงินทุน ตลาดน่าจะพลิกกลับมาเป็นขาลง จึงทำการ Short Sell และก็ประสบความสำเร็จ ตลาดร่วงเกือบ 50% เขาทำกำไรได้ 3 ล้านเหรียญ ยิ่งเขา Short ราคาหุ้นยิ่งลง จนสถาบันรายใหญ่อย่าง J.P. Morgan ต้องขอให้เขาหยุดขาย เพราะเกรงว่าจะเกิดวิกฤติสภาพคล่องของสถาบันการเงิน
.
ปี 1908 (อายุ 31) ลิเวอร์มอร์ กลับต้องหมดตัวอย่างรวดเร็ว เพราะไม่ทำตามที่วางแผนไว้ เขาเทรดสินค้าเกษตร โดยวิเคราะห์ว่า ราคาฝ้ายจะเป็นขาลง และราคาข้าวสาลีจะเป็นขาขึ้นแต่สุดท้ายเขาไปเจอกับ Percy Thomas ซึ่งเป็นนักวิเคราะห์ชื่อดัง และบอกเขาว่าราคาทั้งสองจะเป็นตรงข้ามกับที่เขาคิด เขาก็เชื่อ ทิ้งข้าวสาลีที่มีกำไรอยู่ หันไปซื้อฝ้ายอย่างเดียว ปรากฎว่าราคาร่วงไม่หยุด..ปกติหากเล่นผิดทาง เขาจะยอมแพ้แต่เนิ่นๆ แต่ครั้งนี้ ลิเวอร์มอร์ ไม่ยอม Cut loss และซื้อถัวเฉลี่ยขาลงต่อไป สุดท้ายเขาก็สูญเสียเงินเกือบหมด
ปี 1918 (อายุ 41) แม้หมดตัวไป แต่เขายังมีชื่อเสียงอยู่บ้าง จึงมีเครดิตพอที่กู้เงินกลับมาลุยใหม่ ตอนแรกยังมีขาดทุน เพราะตลาดเป็นช่วง Sideway อยู่นาน จนเมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ตลาดหุ้นกลับมาเป็นขาขึ้น และเขาทำกำไรจากหุ้นเหล็กที่เป็นที่ต้องการมากในตอนนั้น จนปลดหนี้ และมีเงินระดับ 3 ล้านเหรียญอีกครั้ง
ปี 1929 (อายุ 52) ลิเวอร์มอร์ อยู่บนจุดสูงสุดของอาชีพ ในตอนนั้นเขาทำกำไรมาได้ต่อเนื่อง จากสภาพตลาดที่เป็นขาขึ้นหลายปี จนก่อนเกิดวิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่ (Great Depression) เขามองออกแล้วว่าเศรษฐกิจไม่ได้ดีพอที่จะหนุนตลาดหุ้นให้ขึ้นต่อได้ ตลาดน่าจะลงยาว ซึ่งเขาก็ไม่พลาดที่จะทำการ Short Sell เช่นเคย คราวนี้เขาทำเงินได้ถึง 100 ล้านเหรียญ หากคิดเป็นมูลค่าในปัจจุบัน เขาจะมีเงิน 1,430 ล้านเหรียญ หรือ 46,000 ล้านบาท ถ้าตอนนี้เขาอยู่ประเทศไทย จะเป็นมหาเศรษฐี 15 อันดับแรกของประเทศเลยทีเดียว ณ จุดนี้ เขาใช้ชีวิตอย่างหรูหรา สามารถซื้อได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นคฤหาสน์ รถหรู หรือเรือยอร์ช แต่ใช่ว่าจะซื้อความสุขได้..
เขาเผชิญกับปัญหาครอบครัว เขามีภรรยาหลายคน แต่ละคนใช้เงินฟุ่มเฟือย ลูกติดยาเสพติด ส่งผลให้ ลิเวอร์มอร์ เกิดความเครียด จนต่อมาเริ่มความจำเสื่อม สมองเสื่อม รวมทั้งกลายเป็นโรคซึมเศร้า
ปี 1934 (อายุ 57) และแล้วชีวิตที่ร่ำรวยของเขา ได้ผ่านไปราวกับความฝัน ไม่กี่ปี กำไรมหาศาลของเขาก็หมดลง เชื่อกันว่าด้วยสภาพจิตใจและอาการป่วย ทำให้เขาไม่สามารถวิเคราะห์ได้เฉียบขาดเหมือนเคย เขาทำผิดพลาดอีก โดยการที่ไม่ยอมตัดขาดทุนเมื่อเล่นผิดทาง สุดท้ายต้องสูญเงินทั้งหมด
ปี 1940 (อายุ 63) ลิเวอร์มอร์ ตัดสินใจจบชีวิตตนเอง ด้วยการยิงตัวตายที่โรงแรม โดยทิ้งข้อความสุดท้ายให้กับภรรยาว่า เขาคือความล้มเหลว
.
ที่มา : ลงทุนแมน
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
South Korea: Upbit Investigated for Over 500,000 KYC Violations
MacBook Users with Intel Chips Urged to Update for Enhanced Security
Solana-Based Trading Terminal DEXX Hacked, Over $21M in User Losses
South Korea to Enforce 20% Crypto Tax in 2025 with Increased Exemption Limit
0.00
CoinsPaid
bitcoin CANADA
changeNOW
BitcoinBlink
GKFX
FXTM
YObit.net
coinmate
IC Markets
triomarkets