FTX จ้างผู้เชี่ยวชาญ ! เพื่อตรวจสอบร่องรอยของเงินที่หายไป
ผู้บริหารคนใหม่ของ FTX ได้จ้างทีมผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทที่ปรึกษา AlixPartners ซึ่งเป็นบริษัทให้คำปรึกษาทางการเงิน นำโดย Matt Jacques อดีตหัวหน้าฝ่ายบัญชีของแผนกบังคับคดีของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) เพื่อช่วยติดตามเงินหลายพันล้านดอลลาร์ที่หายไป ตามข้อมูลจาก Wall Street Journal รายงานเมื่อวัน 7 ธันวาคม 2565
FTX อดีตแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลอันดับ 2 ของโลก ในเครือ Alameda Research เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2565 FTX ได้ประกาศยื่นล้มละลาย และ Bankman-Fried ได้ลาออกจากการเป็น CEO
ก่อนหน้าที่ FTX จะล่มสลาย CoinDesk เว็บไซต์คริปโตชื่อดังได้ตีแผ่รายงานว่า สินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการของ Alameda Research มากกว่า 80% เป็นโทเคน FTT ของ FTX นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับมูลค่าเหรียญเนื่องจาก Alameda Research ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ FTX ได้ถือครองเหรียญ FTT มากเกินไป และมีการบันทึกบัญชีให้มีมูลค่าสูงเกินจริง นอกจากนี้ ยังมีหนี้สินของบริษัทที่ไม่ได้มีการระบุที่มาอย่างชัดเจน และเหรียญที่มีสภาพคล่องต่ำอีก
CZ ซีอีโอของ Binance ประกาศผ่าน Twitter ว่าแพลตฟอร์มของเขากำลังขายโทเคน FTX ทั้งหมดในบัญชีของตน เพื่อไม่ให้เหตุการณ์ซ้ำรอยกับการล่มสลายของ Terra ข่าวนี้ส่งผลให้ราคาเหรียญ FTX ดิ่งลงทันทีหลังจากทวีตของ CZ หลังจากนั้นทาง FTX ได้เข้าไปเจรจากับ Binance ซึ่งเป็นบริษัทคู่แข่ง ทาง Binance ก็ได้บอกว่าจะเข้าซื้อกิจการของ FTX ซึ่งเป็นเว็บเทรดสกุลเงินดิจิทัลชั้นนำของโลก และภายในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมงของขั้นตอนการสอบทานธุรกิจ Binance ก็ได้ปฏิเสธดีลการเข้าซื้อกิจการทำให้ FTX ต้องยื่นล้มละลาย
ต่อมา FTX ได้โดนได้ถูกแฮกกระเป๋าเงินไปกว่า 450 ล้านดอลลาร์ อดีต CEO Sam Bankman-Fried อ้างในการสัมภาษณ์ที่บันทึกเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายนกับบล็อกเกอร์ด้าน Crypto Tiffany Fong ว่าเขาใกล้จะจับตัวแฮกเกอร์ที่ทำการแฮกไปได้แล้ว และเขาได้จำกัดวงให้แคบเหลือแปดคน โดยเชื่อว่าเป็นอดีตพนักงาน หรือใครบางคนได้ติดตั้งมัลแวร์ลงในคอมพิวเตอร์ของอดีตพนักงาน
เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ทนายความที่เป็นตัวแทนของ FTX ได้กล่าวว่า ทรัพย์สินจำนวนมากได้ถูกขโมยหรือสูญหายไปจาก FTX และเปิดเผยด้วยว่า Chainalysis บริษัทวิเคราะห์ บล็อกเชน ได้ยื่นมือเข้าให้ความช่วยเหลือในการขโมยสินทรัพย์ครั้งนี้
แฮกเกอร์รายนี้ทำการเคลื่อนย้าย Ethereum ที่ถืออยู่ไปยังกระเป๋าเงินใหม่ใบหนึ่ง และเปลี่ยน Ethereum จำนวนหนึ่งไปเป็น Bitcoin แฮกเกอร์รายนี้ยังได้ใช้วิธีฟอกเงินที่เรียกว่า peel chaining โดยการย่อยเงินก้อนนี้ไปยังกระเป๋าเงินต่าง ๆ และส่ง Bitcoin ผ่านแพลตฟอร์ม Crypto mixer ก่อนจะส่งไปยังกระดานเทรด OKX
สำหรับการล้มละลายของ FTX ได้รับผลกระทบในวงกว้างไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนรายย่อยที่ซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มของ FTX รวมไปถึงนักลงทุนของสถาบันการเงินและกองทุนต่าง ๆ หลังจากเหตุการณ์นี้วงการคริปโทจะเป็นยังไง จะไปทิศทางไหน คงต้องติดตามกันต่อไป
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
Slowmist Releases October Web3 Security Incident Report
TEAMZ Web3・AI Summit 2025: Bringing Global Leaders to Tokyo
Japan’s Crypto Industry to Launch “Self-Regulation” of Stablecoins
Russia Establishes Legal Framework and Standards for Crypto Mining
0.00
OKCOIN JAPAN
BitMEX
iNDOEX
Robinhood
LocalBitcoins
yesbit
CoinZoom
bitcoin CANADA
Dcoin
nash